ในยุคปัจจุบันซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังมีการเรียนรู้และพัฒนาที่เร็วมากขึ้น สังคมและการแข็งขันสูงขึ้นเรียนเก่งอย่างเดียวไม่พอแล้ว และภาษาที่ 2 ก็ยังอาจจะไม่มากพอสำหรับเด็กที่พัฒนาและเก่งกว่าในยุคก่อนๆ การแข่งขันที่สูงขึ้นกว่าเดิมมากนั้น ทำให้พ่อแม่หลายๆ ท่านเลือกที่จะให้ลูกเริ่มเรียนในภาษาที่ 3 เพราะหลายๆ คนนั้นเชื่อกันว่าจะเป็นใบเบิกทางที่ดีของลูกในอนาคตได้ ยิ่งมีความสามารถโดยเฉพาะการพูดการสื่อสารที่หลากหลาย ก็สามารถที่จะทำธุรกิจได้กับหลายประเทศมากขึ้น เป็นสิ่งที่หลายๆ หน่วยงานและหลายๆ องค์กรต้องการมากในขณะนี้
หลายๆ บ้านนั้นกำลังสงสัยกันใช่ไหมคะว่าควรที่จะให้ลูกของเรานั้นเรียนภาษาที่ 3 ในช่วงอายุเท่าไหร่ดี จริงๆ เด็กๆนั้นสามารถที่จะได้ยินและซึมซับในเสียงต่างๆ ที่ได้ยินตั้งแต่อยู่ในท้องแม่แล้ว แต่เป็นเพราะการพัฒนากล้ามเนื้อในส่วนต่างๆนั้น อาจทำให้ลูกของเรายังไม่สามารถที่จะพูดและออกเสียงออกมาได้เลย แต่คุณพ่อคุณแม่นั้นสามารถสร้างพื้นฐานและการซึมซับให้พวกเค้าได้ตั้งแต่แบเบาะ แต่ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่นั้นรู้สึกว่าการที่จะให้ลูกนั้นเรียนถึง 3 ภาษาทีเดียวพร้อมกันนั้นจะเป็นการสร้างความงุนงงให้แก้ลูกน้อย ก็สามารถที่จะให้เด็กๆนั้น เริ่มเรียน 3 ภาษา ได้ในช่วงปฐมวัย หรือช่วง 6-15ปี เพราะเป็นช่วงที่พัฒนาการทางภาษาของลูกนั้นดีเยี่ยม รวมถึงสามารถที่จะเรียนรู้และจดจำภาษาได้อย่างดีขึ้น
ในยุคสมัยที่การเรียนเพียง 2 ภาษาอาจจะไม่พอในอนาคต ก็มีหลายๆ โรงเรียนด้วยกัน ที่เริ่มมีการนำการเรียนการสอนแบบ 3 ภาษาเข้ามา โดยจะมีครูที่เป็นคนไทยเอง และครูที่เป็นเจ้าของภาษาเอง เพราะว่ากันว่า หากจะให้เรียนรู้ภาษา สำเนียง และการสื่อสารให้ได้ดีที่สุดนั้น คือเรียนกับคนที่ใช้ภาษาแม่เป็นภาษาที่เราอยากจะเรียน ซึ่งนั้นก็คือครูที่เป็นชาวต่างชาติเจ้าของภาษาเอง โดยหลายๆโรงเรียนที่ได้มีการเปิดเรียนเป็น 3 ภาษาในประเทศไทยนั้น จะเป็น ไทย อังกฤษ และก็จีน เพราะ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่นิยมใช้ในการสื่อสารกันทั่วโลก และภาษาถัดมาคือภาษาจีน
จะเห็นได้ว่าการปลูกฝังให้เรียนภาษาอังกฤษในประเทศเรานั้น มีกันมาอย่างยาวนานแล้ว เพราะคนที่ได้ภาษาอื่นนอกจากภาษาแม่ของตัวเอง โดยเฉพาะภาษาสื่อกลางที่สามารถใช้สื่อสารกับผู้คนได้ทั่วโลกอย่างภาษาอังกฤษนั้นย่อมมีโอกาสที่จะเติบโตได้มากกว่าในอนาคต แต่ในยุคปัจจุบัน ประเทศจีนซึ่งถือว่าเป็นมหาอำนาจในระบบเศรษฐกิจลำดับต้นๆ ของโลกนั้น ได้มีการเปิดประเทศ และพัฒนาไปมาก รวมถึงการท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนแล้ว ก็ถือว่าทุ่มเทในการท่องเที่ยวไม่ใช่น้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมเข้ามาท่องเที่ยวกัน รัฐบาลไทยเองจึงได้เล็งเห็นว่าควรที่จะให้การผลักดันและสนับสนุนคนไทยให้ศึกษาในภาษาจีน โดยได้มีการออกหลักสูตรแกนกลางในกลุ่มสาระภาษาต่างประเทศเข้ามา เป็นวิชาเลือกของนักเรียน และอยากที่จะส่งเสริมศักยภาพของคนไทยให้มีความรู้และเข้าใจในภาษาจีนเพื่อการลงทุนในอนาคตและเศรษฐกิจที่ดี รวมถึงพ่อแม่เองก็เล็งเห็นและเปิดใจให้กับภาษาจีนมากยิ่งขึ้น ซึ่งต่างกับเมื่อก่อน ที่จีนยังไม่มีการเปิดประเทศทำให้คนไทยยังไม่สนใจในภาษาจีนมากนัก
หากคุณพ่อคูรแม่ไม่รู้จะเริ่มในการปลูกฝังภาษาที่ 3 ให้ลูกอย่างไรดี และพ่อแม่ยังมีความกังวลในเรื่องของการใช้ภาษาในชีวิตประจำวัน ว่าลูกนั้นพูดได้ถึง 3 ภาษาและตัวคุณพ่อคุณแม่ไม่รู้จะทำยังไง แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ใช้ภาษาไทยเป็นภาษาแม่และภาษาหลักให้กับลูกในบ้าน และให้เค้าได้เรียนรู้ไปตามวัยอย่างสนุกสนานในเรื่องของภาษาที่ 3 ในรั้วโรงเรียนโดยที่พ่อแม่ไม่ต้องกดดันและคาดหวัง เพราะนั้นจะทำให้ลูกสนุกและอยากพัฒนาศักยภาพของตัวเอง รวมถึงอยากจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ โดยในแรกเริ่มนั้น คุณพ่อคุณแม่ที่มีความกังวลกลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถสอนและแนะนำลูกในเรื่องของภาษาได้ ก็ให้ใช้วิธีการเรียนรู้ไปพร้อมกับลูกๆ โดยศักยภาพในแต่ละช่วงวัยของลูกนั้นจะมีความสามารถในการเรียนรู้ในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ค่อยๆ เป็นค่อยไป ไม่ยากอย่างที่คิด